ตรวจความพร้อมก่อนซื้อ “ระบบเฝ้าตรวจอัจฉริยะ”
เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา มีข่าวเล็กๆ แต่น่าสนใจชิ้นหนึ่ง (เล็กกว่าข่าว สุรชัย สมบัติเจริญ แถลงข่าวเปิดหน้าหลังศัลยกรรม) นั่นก็คือข่าว พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แถลงข่าวเตรียมจัดซื้อระบบแจ้งเตือนการก่อการร้ายจากรัสเซีย เพื่อใช้ติดตั้งในกรุงเทพมหานครและสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ แถลงว่า แนวคิดนี้สืบเนื่องจากตน และ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินทางไปดูงานระหว่างเยือนประเทศรัสเซีย และพบว่าที่รัสเซียมีระบบต่อต้านการก่อการร้ายดังกล่าวนี้ เชื่อว่าเป็นระบบที่ดี มีความปลอดภัยในระดับต้นๆ ของโลก รูปแบบการทำงาน เป็นการแจ้งเตือนเรื่องการก่อการร้าย การแจ้งเตือนเรื่องการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมต่างๆ เช่น เมื่อเกิดอุบัติเหตุรถชนบนถนน กล้องจะจับทิศทางของรถว่าไปทางไหน อย่างไร ซึ่งเป็นการประยุกต์บุคลากรกับเทคโนโลยีเข้าด้วยกัน นอกจากนี้ถ้าหากกล้องโฟกัสไปเจอสิ่งของ เช่น กระเป๋าที่ถูกวางทิ้งไว้นานๆ กล้องตัวนี้จะโฟกัสไปที่กระเป๋าเพื่อตรวจจับวัตถุต้องสงสัยด้วย เบื้องต้นได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ไปศึกษาจุดเสี่ยง อาจดำเนินการนำร่อง 10 จุดเสี่ยงในกรุงเทพฯ ส่วนงบประมาณในการดำเนินการ 1 จุด ใช้งบประมาณ 1 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 30 กว่าล้านบาท ต่อพื้นที่ประชากร 3-5 แสนคนขึ้นไป ฉะนั้นจะเลือกพื้นที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 5 และ 6 ที่มีจุดเสี่ยงมากที่สุด ซึ่งได้นำเรียน พล.อ.ประวิตร ไปแล้ว และ พล.อ.ประวิตร ก็เห็นด้วย นอกจากนั้นยังได้เร่งรัดให้มีการนำเทคโนโลยีไบโอแมทริคซ์ หรือ เครื่องตรวจเอกลักษณ์บุคคลทางกายภาพ มาใช้ในการคัดกรองบุคคลเข้าออกประเทศ เพื่อพิสูจน์เอกลักษณ์ใบหน้า เชื่อว่าเทคโนโลยีทั้งสองอย่างนี้จะสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนได้ รู้จักระบบเฝ้าตรวจอัจฉริยะ ผู้เชี่ยวชาญด้านยุทโธปกรณ์ เปิดเผยกับ “ทีมข่าวอิศรา” ว่า ระบบที่ ผบ.ตร.พูดถึง คือ ระบบ intelligent surveillance หรือ ระบบเฝ้าตรวจอัจฉริยะ ในหลายประเทศมีใช้มานานแล้ว แต่ประเทศไทยเพิ่งริเริ่มนำมาใช้ ลักษณะของระบบดังกล่าวนี้เป็นกล้องโทรทัศน์วงจรปิด หรือ ซีซีทีวี อัจฉริยะ มีสมองในตัวเอง สามารถประเมินเหตุการณ์ร้ายจากภาพที่ปรากฏได้เอง และจะแจ้งเตือนเจ้าหน้าที่หากคิดว่ามีความเสี่ยงที่จะเกิดความไม่ปลอดภัยขึ้น ทำให้ฝ่ายความมั่นคงไม่ต้องจัดเจ้าหน้าที่มาคอยนั่งเฝ้ากล้องตลอดเวลา หรือแค่ใช้กล้องมาย้อนดูเมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นแล้ว เหมือนที่ปฏิบัติกันอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งไม่สามารถป้องกันก่อนเกิดเหตุร้ายได้ ด้านเจ้าหน้าที่ระดับสูงในหน่วยงานความมั่นคง เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ระบบเฝ้าตรวจอัจฉริยะ จะมีเทคโนโลยีตรวจสอบใบหน้า เปรียบเทียบกับใบหน้าของผู้ก่อการร้ายที่บันทึกไว้ในฐานข้อมูล มีใช้ในอังกฤษ สหรัฐอเมริกา...
Read More